เชื่อว่า… ความประหยัด ต้องเป็นหนึ่งในเหตุผลที่คนหันมาใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าหรือรถยนต์ EV มากขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว นอกจากค่าพลังงานเชื้อเพลิงแล้ว หลายๆ คนก็ยังคงสงสัยอยู่ไม่น้อยว่ารถยนต์ไฟฟ้า EV จะประหยัดกว่ารถยนต์น้ำมันที่มีอยู่จริงหรือไม่?
บทความนี้จะชวนมาไขข้อสงสัย พร้อมเปรียบเทียบรถไฟฟ้ากับรถพลังงานเชื้อเพลิงให้เห็นกันชัดๆ ในทุกแง่มุม เพื่อช่วยให้ตัดสินใจเลือกใช้รถยนต์ที่เหมาะกับตัวเองมากที่สุดกัน
เปรียบเทียบรถไฟฟ้ากับรถน้ำมัน แตกต่างกันอย่างไร?
ความแตกต่างระหว่างรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์แบบใช้น้ำมัน คือ
🚘รถยนต์ไฟฟ้า หรือ รถ EV จะใช้กระแสไฟฟ้าในการสร้างแรงเหนี่ยวนำ เพื่อให้เคลื่อนที่ไปข้างหน้า ซึ่งจะไม่มีการเผาไหม้ภายในเครื่องยนต์ ทำให้มีเครื่องยนต์มีเสียงเบา ออกตัวได้เร็วและแรง สามารถชาร์จไฟซ้ำได้ โดยแต่ละการชาร์จจะให้ระยะการวิ่งที่แตกต่างกันออกไปตามขนาดแบตเตอรี่และระบบขับขี่ที่ใช้งาน
🚘รถยนต์พลังงานเชื้อเพลิง(น้ำมัน) จะมีเครื่องยนต์แบบสันดาปอยู่ในห้องเครื่อง มีการเผาไหม้เชื้อเพลิงเกิดขึ้น ทำให้เกิดไอเสียและเสียงเครื่องที่ดังมากกว่ารถยนต์ไฟฟ้า และรถจะขับเคลื่อนได้ด้วยกำลังที่มาจากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงอย่างเช่น น้ำมันประเภทต่างๆ หากอยู่ในช่วงที่น้ำมันแพง ก็อาจส่งผลให้มีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้น
ข้อดีของรถยนต์ระบบไฟฟ้าหรือรถ EV
แม้ว่า เราจะคุ้นชินกับรถยนต์แบบน้ำมัน แต่รถยนต์ไฟฟ้าก็มีข้อดีอยู่มากมายที่ทำให้ผู้คนทั่วโลกหันมาให้ความสนใจ และเริ่มใช้งานกันอย่างแพร่หลายมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น
ช่วยลดมลภาวะทางเสียง เพราะเครื่องยนต์ของรถ EV มีเสียงเงียบมาก ๆ ถึงแม้ว่าจะมีเสียงเครื่องยนต์สังเคราะห์ใส่เอาไว้เพื่อความปลอดภัย แต่ก็ถือว่าช่วยควบคุมมลภาวะทางเสียงได้เป็นอย่างดี
เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพราะรถยนต์ไฟฟ้าไม่มีเครื่องยนต์แบบสันดาป ไม่มีการเผาไหม้ ทำให้ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) ก๊าซออกไซด์ของไนโตรเจน (NOx) รวมถึง PM2.5 ด้วยเช่นกัน
มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพราะรถยนต์ไฟฟ้ามาพร้อมกับแผงควบคุมอัตโนมัติที่ช่วยทำให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมการขับขี่ ห้องโดยสารและฟังก์ชันอื่น ๆ ของรถยนต์ได้สะดวก เชื่อมต่อกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ในชีวิตประจำวันได้ง่าย
บำรุงรักษาง่ายกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมัน เพราะมอเตอร์ไฟฟ้ามีชิ้นส่วนน้อยกว่าเครื่องยนต์สันดาป ไม่มีการใช้ของเหลวภายในตัวเครื่อง ทำให้ซ่อมแซมและดูแลรักษาได้ง่าย
มีการอัปเดตซอฟต์แวร์อยู่เสมอ เพื่อพัฒนาระบบการทำงานของเครื่องยนต์และฟังก์ชันต่าง ๆ ให้ดีขึ้น รวมถึงพัฒนาประสบการณ์การขับขี่ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ประหยัดค่าเชื้อเพลิงได้มากกว่ารถน้ำมัน ตามค่าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 0.56 บาทต่อกิโลเมตร ในขณะที่ค่าน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 2.5 บาทต่อกิโลเมตร
แต่ก็ไม่ใช่ว่า… จะมีแต่ข้อดีเสมอไป หากต้องเดินทางไกลๆ กว่า 1000 กิโลเมตร ก็อาจจะเสียเวลากว่ารถยนต์แบบพลังงานเชื้อเพลิง เนื่องจากระยะทางจะสัมพันธ์กับขนาดของแบตเตอรี่จุไฟ
สรุป หากในช่วงที่น้ำมันแพง การใช้รถ EV ย่อมคุ้มค่ากว่า เนื่องจากหน่วยไฟที่ถูกกว่า และยิ่งใครใช้รถยนต์ในชีวิตประจำวัน แค่ขับไปทำงาน กินข้าว ดูหนัง ยิ่งคุ้มค่าเข้าไปใหญ่ แต่หากขับไกลๆ แนะนำให้วางแผนการเดินทางดีๆ เช็คจุดชาร์จพลังงานไฟฟ้า เพียงเท่านี้ก็หมดห่วงแล้วล่ะ
📲🤩🌟ใครที่อยากใช้รถไฟฟ้า แนะนำมาเช่ากับแอปฯ HAUP เลย
✔️ บนแอป HAUP มีรถให้เลือกมากกว่า 3000 คัน หลากหลายรุ่น ต้องการใช้งานแบบไหนก็มีให้เช่า อย่ารอช้า โหลดแอปฯเลย
ดาวน์โหลด HAUP Application ได้ที่ : https://haupkey.page.link/HAUPDownload